วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

FAQ ตอบคำถามที่เจอบ่อย + ที่เคยมีคนถามเข้ามาเกี่ยวกับมหิดลอินเตอร์

ในเมื่อมันมีคำถามมากมายที่ต้องมาตอบ E-mail น้องๆ ในพาร์ทนี้พี่จะขอตอบคำถามที่มีคนถามเข้ามาเยอะที่สุดแล้วกันนะ 

คำถาม1:
พี่ ทำไมมหิดลอินเตอร์ถึงแยกตัวเองออกมาจากคณะอื่นๆ

คำตอบของพี่เรยนะ คือ ถ้าจะมองเป็นคณะๆของมหิดลไป มันก้จะมีเปิดแบบพวกโปรแกรมอินเตอร์ไรงี้ใช่ม้ะ แต่ของมหิดลอินเตอร์จัดเป็นวิทยาลัยในตัวของมหิดลอีกทีเรย (ชื่อทางการของเราจะเรียกว่า วิทยาลัยนานาชาตินาจา) ซึ่งถ้าให้มันเข้าใจง่ายๆ นี่คือมหาวิทยาลัย(อินเตอร์)ที่แยกระบบการจัดการรวมไปถึงพวกงบการจักการ/หลักสูตรการเรียนการสอน/คณะ/เมเจอร์ต่างๆ ออกจากตัวของม.มหิดลเองเลย เช่น ถ้าเวลาเด็กมหิดลถามพวกเราว่าเรียนคณะอะไร เราก้จะตอบเค้าไปว่าวิทยาลัยนานาชาติ/IC/มูอิค//มิวอิค และก็ตามด้วยเมเจอร์ เช่น มาเกตติ้ง อะไรประมาณนี้ 

ทีนี้ทำไมเค้าถึงเปิดแยก? ทำไมไม่เอาแต่ล้ะคณะของมหิดลมาเปิดหลักสูตร/ภาคอินเตอร์แทนล้ะ? เช่น คณะศิลป์ศาสตร์เปิดภาคอินเตอร์งิ จุดนี้พี่คิดว่าเค้าต้องการความ internationalized campus ซึ่งพี่คิดว่าเป็นการสร้างจุดแข็งในด้านที่ตัวมหิดลอ่อนอยู่ ก้คือ พวก liberal arts ของเค้านั้นเอง มหิดลนั้นได้รับการยอมรับการแพทย์อย่างเป็นสากลจากต่างประเทศต่างๆ แต่ไม่ค่อยเด่นด้านศิล เท่าไหร่นัก (refer to qs rank) ซึ่ง พี่คิดว่าถ้าเค้าทำแยกออกมาเป็นคณะแบบนี้จะทำให้สร้างจุดแข็งได้เร็วกว่าคณะที่ยอมเปิดแบบโปรแกรมอินเตอร์

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก้ต้องขอยอมรับว่ามหิดลอินเตอร์ก้ยืมชื่อเสียงม.แพทย์มาเปิดนั้นแหละ แต่ก้อย่างที่บอกไปว่า น้องๆยอมรับได้หรือป่าวที่ สังคมไทยมองตัวมหิดลว่าเป็นม.แพทย์แระมีดีแค่นั้น การแยกออกมาเป็นคณะอินเตอร์ทำให้ผู้ใหญ่บางคนถึงกับไม่ยอมรับ อันนี้พี่ก้ต้องบอกว่าจุดนี้คงต้องใช้เวลาและ รอการพัฒนา ปรับเปลี่ยนความคิดมุมมองของสังคมว่ามหิดลนั้นมีดีอย่างอื่นด้วย แต่ๆๆๆ ถ้าถามว่าวัดกันที่ความเปนอินเตอร์ล้วนๆแล้วอ่ะ แบบมองไปที่ muic ranking หลายต่อหลายเว็บให้มหิดลอินเตอร์เปนที่หนึ่งของ international program นะเออ

คำถาม2: ทำไมถึงต้องเลือกมหิดลอินเตอร์ ทำไมค่าเทอมต้องแพง

ตอนนั้นที่พี่เลือกมหิดลอินเตอร์เพราะไปopen house ของเค้ามาแระชอบบรรยากาศของม.นี้มาก คือมันน่าเรียน (ถึงจะอยุ่ไกลก้เถอะ) แระอีกอย่างติดใจในการที่เดินผ่านใครต่อใครตอนนั้นก้คุยเป็นภาษาอังกฤษ ก้เรยคิดว่าที่นี่น่าจะมีของ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมพี่ไม่เลือกม.อื่น แบบ ฬ มธ เกษตร ไรงี้ ตอบเรยว่าตอนนั้น พี่ก้แอดเข้า ฬ มธ เหมือนกัน แต่ไม่ได้เลือก เพราะว่าดันติดมหิดลก่อน (คือพี่ติดมหิดลแระก้เริ่มเรียนตอนประมานเมษาเรย ถ้าพวก ฬ มธ ก้ต้องรอกลางปีหรือรออีกสองเดือนนั้นแหละ) สำหรับตัวพี่แล้ว พี่ไม่ได้ยึดติดกะชื่อเสียงม. อะไรขนาดนั้น พี่แค่คิดว่า ม.ไหนที่ให้เราในสิ่งที่ต้องการได้ พี่ก้อยากเรียนที่นั้น อันนี้ก้ต้องดูว่าน้องอยากจะใช้ชีวิตเปนเวลา4ปี ที่ไหน ม.ไหนมีความพร้อมพวก facility อะไรต่างๆ ต้องไปศึกษาให้ดี พวกอจ. เค้าใช้อจ.ภาคไทยพูดอังกฤษไม่รุ้เรื่องมาสอนเดกหรือป่าว อันนี้ก้ต้องดูเพราะบางม.มีแบบนี้จิงๆ

ส่วนคำถามว่าทำไมถึงแพง จุดนี้พี่ขอเรียกว่าเป็นจุดมาเกตติ่งของทางมหาวิทยาลัยเค้าแล้วกันนะ คิดว่าที่เค้าคิดแพงเพราะtarget กลุ่มที่อยากเรียนอินเตอร์มีน้อย (สมัยก่อน)
ค่าอจ.ไทย แระ อจ.ต่างชาติ ที่พี่เคยได้ยินก้แพ่งแพง ได้ช.มล้ะ 3000 อัพถึง 6000 นะเออ ดังนั้นไม่แปลกที่เค้าจะชาร์จคนมาเรียนแพงๆ

ถ้าถามว่าคุ้มต่อการลงทุนไหม พี่ขอตอบแบบโลกแห่งเปนจริงนะน้อง55555 พี่ว่ามันจะคุ้มถ้าน้องจบออกมาแระได้งาน เงินเดือนที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่คือการที่น้องได้ทำงานกับบ.ต่างชาติ หรือพวกบ.เอกชนนั้นเอง ซึ่งถ้าน้องเรียนอินเตอร์ ตัวน้องจบออกมา บอกได้เรยว่ามีข้อได้เปรียบทางด้านภาษาอังกฤษ และภาษาที่3 ถ้าน้องได้บ.ต่างชาติแระได้ใช้ภาษาที่ได้เรียนรุ้มาอยุ่เรื่อยๆ จุดนี้พี่มองว่าคุ้ม และบอกเรยว่าการเรียนอินเตอร์จะเพิ่มโอกาศในการหางานนี้มากกว่าการเรียนภาคปกติแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก้ต้องขึ้นอยุ่กะเกรดที่จบออกมาด้วยว่าดีแค่ไหน เพราะเกรดดีมันคือโอกาศในการแสดงศักยภาพให้บ.ใหญ่ๆในการหางานครั้งแรกรู้ว่าอย่างน้อยน้องก้ตั้งใจเรียนมา และสนใจในด้านไหนเป็นพิเศษ ซึ่งพี่คิดว่าบ.ส่วนใหญ่เค้าจะรู้ได้ก้คงดูว่าเกรดวิชาไหนดีไม่ดีเนี่ยแหละ อ่อ อีกอย่าง ความมีเกรดดีเป็นโอกาศในการชิงตำแหน่งดีๆแบบที่เด็กเกรดไม่ดีไม่สามารถสมัครได้ด้วยเออ (อย่าหาว่าแก่งแยก แต่ปจบ. บ.บางบ.เปิดรับเด็กจบใหม่แบบนี้จิงๆเด้อ) เช่น อย่างบ.น้ำมัน บางแห่งก้คัดเลือกเด็กที่เกรดขั้นต่ำที่3.5ก่อนเรียกมาสัมพาด

ส่วนคำถามที่ว่าจบอินเตอร์มา ม.มีผลในการได้งานแรกไหม ขอตอบว่ามี เพราะส่วนใหญ่ผู้บริหารชอบเด็กจบใหม่ที่ได้ทักษะภาษาอังกฤษกันทั้งนั้น ถ้าจะให้เทียบกะเด็กภาคปกติแล้วขอบอกว่าเด็กภาคอินเตอร์ดูดีมีภาษีก่าเยอะ 555 แต่ๆๆ ส่วนใหญ่บ.เค้าก้ดูหลายปัจจัยในการคัดเลือกเด็กเข้ามาทำอ่าแหละ อย่างเช่น ถ้าเกรดน้องเน่าจบจากไม่ว่าจะม.ไหน เค้าก้อาจจะรับแต่ขอแบบกดเงินเดือนไปแทนไรงิ ถ้าเกรดน้องดีแระแบบจบจาก ม.ดังๆ ด้วยก้อาจจะเจอปัญหา ที่ผู้บริหารกลัวว่าจะอยู่ทำงานกะเค้าไม่นาน ก้อาจจะไม่จ้างได้นะเออ 5555 เอาเป็นว่าก้ต้องยอมรับความจิงว่าสังคมไทยเราก็ยังมีแอบแฝงความคัดเลือกม.ด้วยแหละเออ ส่วนมหิดลอินเตอร์ ขอบอกไว้เรยว่า จบไปส่วนใหญ่ก้ทำธุรกิจบ้านกันทั้งนั้นจย้าาาา อิงจากปสก.พี่เรยนะ ไม่ค่อยเจอหน่องๆเด็กมูอิคเบยยย

คำถาม3: เรียนมหิดลอินเตอร์ยากไหมสำหรับคนที่เรียนแต่ภาคไทยมาตลอดแต่อยากต่ออินเตอร์ และ มหิดลอินเตอร์ตอนเรียนตัดเกรดโหดแบบนี้ ยากไหม

คำตอบของพี่ก้คือ ถ้าน้องตั้งใจมันก้รอดอยุ่แล้วอ่ะ ส่วนใหญ่ล้วนแต่การปรับตัวของน้อง พี่เชื่อว่าถ้าน้องตั้งใจ ผลก้จะออกมาดีอยุ่แล้ว เท่าที่พี่เห็นส่วนใหญ่ก่ต้องเรียน pre-college ก่อนหรือป่าว ซึ่งหลักสูตรนี้แหละจะทำให้น้องสตรองในภาษาอังกฤษขึ้นเยอะ แต่ถ้าได้คอลเลจเลยพี่แนะนำให้หาเพื่อนแระช่วยกันติว บางทีก้แอบอัดเสียงอจ.แระมาเปิดฟังอีกที (เผื่อบางทีฟังไม่ทันไรงี้) ก้จะช่วยได้เยอะเหมือนกัน

ส่วนคำตอบที่ถามว่าทำไมถึงตัดเกรดโหด พี่คิดว่าแต่ล้ะการตัดเกรดมีข้อดีข้อเสียของมัน การตัดแบบเกณ คือทำให้มีมตราฐานในการตัดเกรด คือ ถ้าอิงกลุ่ม แระมีนคนในเซคมันน้อยก้จะทำให้เหมือนเรียนแบบผ่านไปได้แต่จิงๆแล้วไม่ได้อะไรเรยก้มี และอีกอย่างพี่คาดว่าการที่ ตัดแบบเกณ เค้าอิงระดับสากล เพราะม.ในต่างปท ก้ใช้เกณ ในการตัดเกรดแระตัดเอที่90เหมือนกัน


คำถาม4: สังคมมหิดลอินเตอร์เป็นยังไง ไฮโซจิงหรือป่าว

เอาจิงๆ คำถามนี้พี่เจอคนมาถามบ่อยมากกก แระขอตอบในที่นี่ครั้งสุดท้ายแระกัน ถ้าถามมาก้ก้อปในนี้แหละตอบ 5555 อืมมม ไฮโซไหมหรอ พี่คิดว่าเอาจิงสังคมมหิดลมันปะปนกันไปหมด คือ ก้จะมีลูกคุณหนูอยุ่กลุ่ม ระดับกลางก้อีกกลุ่ม ระดับงกก้อีกกลุ่ม555(เช่น พี่เปนต้น)  อยุ่ที่ว่าตัวน้องจะเจอแบบไหนแระเลือกที่จะคบกะกลุ่มไหนมากก่า ส่วนตัวที่พี่เจอ ก้จะออกแนวไฮโซหน่อยๆมั้ง สังเกตุจากการมีรถเบนซ์มาขับ แระการเปลี่ยนมือถือใหม่อยุ่บ่อยๆ5555 ถ้าระดับกลางก้เจอเหมือนกัน พวกที่ขึ้นรถเมล์กลับบ้านแบบพี่ก้เจอมาแล้ว คือถ้าจะให้สรุปแบบเปนจริงเรยอ่านะ พี่คิดว่ากลุ่มคนรวยในม.นี้จะมีเยอะก่าชนชั้นอื่น เวลาไปไหนมาไหนคณะอื่นถึงได้มองว่าเราเปนเด็กสปอยบ้าง เด็กไฮโซบ้าง

แต่จะบอกอะไรให้นะ สังคมไฮโซมันหนีไม่พ้นทุกที่แหละน้อง โดยเฉพาะคณะอินเตอร์ของทุกๆม.นี่แหละ ค่าเทอมโหดขนาดนี้ หมายความว่าอะไรน้องก้ได้คำตอบแล้ว คือ ถ้าไม่เจอลูกคุณหนูเลยยย นี่คือพี่จะมองว่าแปลกมากกกก เพราะฉนั้นเราอย่าไปกลัวว่าเราเข้ามหิดลอินเตอร์หรือคณะอินเตอร์ของม.อื่นๆที่ไหนก้แล้วแต่แระเราจะใช้จ่ายเยอะเพราะสังคมไฮโซ พี่แนะนำว่าเลือกเพื่อนให้ดี แระอย่าตามเพื่อนมากจนเกินไป อะไรที่เราจ่ายไม่ไหวก้บอกไม่ไหว มันไม่ทำให้เสียเพื่อนหรอก เอาจิงนะถึงค่าเทอมมหิดลอินเตอร์จะแพง แต่ค่าครองชีพแถวนั้นคือถูกมากกกก ข้าวจานล้ะ 25-30 บาท ชีวิตคนในกรุงนี่คือ ปาไปจานล้ะ70ล้ะนะ 55555 เพราะฉนันมันมีข้อดี อย่าไปมองว่าเรียนอินเตอร์มันจะแย่จนเกินไป

คำถาม5: สอบเข้ายากไหม

ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเทียบกะคณะปกติที่ไม่ใช่อินเตอร์อ่ะ พวกอินเตอร์จะเปิดรับแนวแบบsimple มากกกก บางม. คณะถึงจะมีให้แอดกลางแต่ก้ รับเยอะมาก ชนิดที่แบบว่าคะแนนไม่น่าเกลียดมากก้ติด ทีนี้ถ้ามองของมหิดลอินเตอร์ ที่นี่เค้าจะหนักไปใช้คะแนนของทาง official test ใช่ป่ะ แบบพวก ielts, toefl ก้จะทำให้คนที่ผ่านข้อสอบพวกนี้มา พอมีภาษาที่ใช้ได้อยุ่พอสมควร ถ้าไม่มีคะแนนพวกนี้ก้จะโดนเด้งไปสอบข้อสอบอังกิดของทางมหาวิทยลัยเอง (MUIC TOEFL) ซึ่งจะคัดเด็กเก่งอังกิดกะไม่เก่งอีกทีจากตรงนี้ ใครที่ติดพีซีก้เตรียมตัวเตรียมใจปรับพื้นฐานซึ่งพี่มองว่าคุ้มแระดี ส่วนถ้าใครติดคอลเลจเลย อันนี้คือ เก่งอิ้งแบบจิงๆ สรุปเรยแระกัน พี่มองว่าไม่ยากหรอก มหิดลอินเตอร์รับเยอะ เพียงแต่น้องติดพีซี หรือน้องติดคอลเลจแค่นั้นเอง พี่เดาว่าน้องๆส่วนใหญ่อยากติดคอลเลจซึ่งมันจะยากตรงนี้นิดหน่อย ยังไงก้สู้ๆแระกันเด้ออ

คำถาม 6: อยากเปลี่ยนโปรแกรมหรือย้ายเมเจอร์ ทำได้ไหม

หืมม เอาจิงๆนะ ถ้าจะเปลี่ยนมันได้อยุ่แล้ว แต่จะเปลี่ยนหรือย้ายโปรแกรมพี่ไม่ค่อยแนะนำให้ทำกันสะเท่าไหร่ โดยเฉพาะจากพวกบีบีเอไปอะไรวิทย์ๆ หรือพวกศิลๆอย่าง faa มาบีบีเอ เพราะมันเสียเวลาต้องทำเรื่องและอีกอย่างคือ มันต้องปรับพื้นฐานวิชาที่required เช่นย้ายไปสายวิทย์ก้ต้องเจอ ฟิสิก เคมี ชีวะ กันหลายตัว บางอย่างถ้าวิชาไหนโอนมาไม่ได้ก้ต้องลงใหม่หมดจย้าาา เช่น เลขของบีบีเอกับเลขของสายวิทย์ แต่ๆๆ ถ้าน้องรุ้สึกน้องเรียนแระไม่ชอบพี่ก้ไม่ว่าอะไร พี่เหนเพื่อนพี่จากสายสังคมย้ายไปวิทย์สิ่งแวดล้อม มันก้รอดของมันและจบมาได้จนถึงทุกวันนี้ เอาเปนว่า อยุ่ที่การปรับตัวว่าจะรับวิชาใหม่ๆได้ไหมเท่านั้นเองง

ส่วนการเปลี่ยนเมเจอร์ เช่นตอนแรกเลือกไอบี แระอยากจะเปลี่ยนมาเปนไฟแน้น ก็ย่อมทำได้เพราะมันอยุ่ในหมวดบีบีเอเหมือนกัน การเปลี่ยนเมเจอร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายนัก พี่เหนเพื่อนพี่ย้ายหลายคนมากเว่อออ ย้ายกลับบ้างก้มี สิ่งสำคัญคือ มันมีค่าใช้จ่ายและเสียเวลาเด้อออ เพราะฉนันทำอะไรอย่าลืมเรื่องนี้ล้ะ

คำถาม7: ดราม่ามหิดลอินเตอร์ เป็นช้อยที่3ของเด็กไทย จริงไหม ถ้าเก่งจริงต้องแอดเข้า ฬ/มธ และพี่รู้สึกยังไง

เห็นบางคนส่งข้อความมาถามถึงความดราม่า พี่ก้จะขออัพเดทหน่อยล้ะกันเนอะ เนื่องจากมีดราม่าที่บอกว่า ฬ/มธ เป็นช้อยแรกของเด็กไทยเพราะเอ็นเข้ายากสุดและแข่งขันเยอะสุด ระบบก้ดีเพราะเป็นม.ดัง จบออกมาก้มีภาษีดีก่าที่อื่น ดังนั้นควรเลือก ฬ/มธ

พี่ก้เลยจะมาเขียนบอกว่ารุ้สึกอย่างไรกะดราม่านี้ เริ่มแรกเลยนะ พี่ว่าอย่าไปยืดติดกับคำว่าเอนติดไม่ติด ไม่เก่งพอ เข้าไปแล้วจะไม่ drive ตัวเองเพราะหลักสูตรไม่เอื้อให้เด็กแข่งกันเองเด็กจบมาเลยไม่เก่ง เพราะจิงๆสุดท้ายแล้วพี่ว่า การเรียนมันก้ขึ้นอยุ่กะตัวน้องเองในที่สุด จะตั้งใจเรียนหรือไม่ จะเรียนยากหรือง่าย เก่งไม่เก่ง ก้อยุ่ที่ตัวเอง เพราะลองนึกดูว่า ถ้าเราสอบเข้า ฬ/มธ ได้แล้ว เราไม่เก่งสุดในสายชั้น เราไม่drive ตัวเรา ก้จะทำให้เกรดเราห่วย อย่าลืมนะว่าสมัยนี้หลังจบมา บ.ต่างๆจะดูเกรดเป็นหลักนะแจ้ะ ไม่ใช่ม. (ก้ยอมรับว่ามีบ้าง บ.ที่ดู แต่เค้าก้ดูเกรดด้วยจย้า ถ้าเกรดไม่ดีก้บายนาจา) แต่ก้จิงอยุ่ที่ ฬ/มธ พอเข้าได้แล้ว เหมือนระบบการเรียนมันแข่งขัน และตอนสอบเด็กแข่งขันสูงจนทำให้จบออกมาเด็กมีคุณภาพสะส่วนใหญ่ ตรงนี้ให้จำไว้ว่า เมื่อไหร่ที่น้องคิดแบบนี้ น้องกำลังทำร้ายตัวน้องเองอยุ่ การที่จบจากม.ดังก้ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีคุณภาพเสมอไป ถ้าใครพูดว่าไม่เชื่อหรอก ก้ให้เค้าเชื่อของเค้าไป เราทำตัวเราเองให้ดีที่สุด แระproveว่าเราก้มีศักยภาพเหมือนกันโดยไม่ต้องเอาม.มาบังหน้าให้ใครให้เค้าเห็น เอาจิงที่พิมๆไปก้ไม่ได้บอกว่าตัวพี่เองถูกหมดอ้ะนะ แระบนโลกแห่งความเป็นจริงมันก้ไม่ได้มีถูกมีผิดไปสะหมดหรอก พี่มองแค่ว่าอย่าเชื่อสังคมให้มันมาก แต่เราควรเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันดีที่สุด โดยมองจากมุมมองหลายๆแง่ ไม่ใช่แง่เดียวจย้า พี่เชื่อว่า มหิดลอินเตอร์ถึงจะเป็นช้อยที่3ของเด็กไทย แต่เค้าก้มีดีของเค้าเนอะ ไม่งั้นเปิดมาไม่ได้หรอก30กว่าปีล้ะจย้าาา

สำหรับพี่ที่เคยเรียนร.ร ไทย มาก่อนเข้าที่นี่ ก็ต้องขอน้อมรับว่าตัวมหิดลอินเตอร์นั้น เป้นช้อยที่3ของเด็กม.ปลายจิงๆ เพราะที่เรียนพิเศษไรงิช่ะ ก้จะมุ่งแต่สอบฬ/มธ แล้วถ้าไม่ได้จิงๆค่อยไปมหิดลอินเตอร์ แต่ พี่ก้ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย เพราะมองว่าจบจากที่นี่ ก้ไม่ได้ต่างกะ ฬ/มธ สะเท่าไหร่ สำคัญสุดๆคือเกรดจ่ะ

ส่วนความเห็นจากพี่ว่าม.ไหนดีสุดๆๆๆเลยในไทย พี่มองว่ามันไม่มีอ่ะ ม.ดีๆก้ต้องเรียนต่างประเทศแระแหละ ซึ่งพี่แนะนำว่าให้ลองหาทุนไปเรียนต่อตปท. ดีก่าไทยแน่นอล (อันนี้พี่รุ้สึกงี้จิงๆ ไม่ได้ประชด) เพราะเรียนที่ตปท ไม่ได้มีแต่จดกะจำเหมือนม.ไทยแน่นอล



วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562

MUIC admission พร้อมทริคในการสอบเข้า

ข้อสอบของมหิดลอินเตอร์เป็นอะไรที่พี่นั้งหาใน เพื่อนกูเกิล ก่อนสอบและ มันไม่ค่อยมีคนเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เรยย พี่ก็เลยอยากจะเน้นๆให้เลยยยนะ 

สำหรับที่มหิดลอินเตอร์ เราจะแบ่งการสอบตรงในการคัดนร. เข้าศึกษานาจาา ข้อสอบเท่าที่พี่จำได้จะแบ่งเป็นพาร์ทใหญ่มากกคือ อังกฤษ และ อีกหลายๆวิชาที่สอบตอนช่วงบ่าย


ในการสอบเข้า ที่มหิดลอินเตอร์นั้น น้องๆต้องใช้คะแนน ภาษาอังกฤษ ยื่นครับ
ซึ่งหลักๆที่ พี่คิดว่าเด็กส่วนใหญ่ใช้ก็คือ

  1. Ielts ที่มีผล คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 6.0 (score equvalent to or more than 6.0) โดยผลสอบต้องมีอายุไม่เกินสองปีนะ 
  2. Toefl คะแนน 79 ขึ้นไป
  3. SAT คะแนน รวมพาร์writing 1,100 คะแนน 
  4. ข้อสอบของมหิดลที่เค้าจัดทำขึ้นมาเอง (TOEFL Paper base)
สำหรับคนที่ยื่นคะแนนหนึ่งในสามข้อแรก ที่ทางมหิดลต้องการแล้ว ทีนี้ก็ชิลเลยย รอวันเวลา เตรียมตัวให้ดีไปสอบข้อสอบ เลข และ writing

ส่วนสำหรับคนที่ไม่ได้มีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ ก้ไม่เป็นไร ทางม. เค้ามีให้จย้า โดยสอบข้อสอบในข้อ4แทนจร่ะ 
เจาะลึก **เน้นๆๆๆ ยิ่งกว่าเน้นใน ข้อ4
พี่อยากจะบอกว่าที่น้องๆต้องจ่ายเงิน สองพันบาท แล้วจะได้mock-up exam มาดู มันอาจจะดูง่ายสำหรับบางคนช่ะ จริงๆแล้วข้อสอบจริงมันไม่ง่ายนะ ทุกคนต้องพร้อมจริงๆ ตอนพี่สอบอันนี้ บอกเลยว่ามึนมากก แต่ก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไม่ได้เตรียมตัวเท่าไหร่นัก เพราะฉนั้น เตรียมตัวดีๆกันน้าทุกคน
 ตรงนี้พี่ฝากทริคนิดนึงไว้นะ อยากให้น้องๆฝึกให้มากๆ ไม่ต้องซื้อหนังสือเล่มใหม่หรอกก เอาข้อสอบพวก ONET, GAT Eng. Ielts, Toefl PDF (หาตามเน็ต อันนี้มีเยอะ)  มานั้งทำดูแนวไปก็ได้ ทำตัวให้ชินกับข้อสอบดีที่สุด พี่ว่าจับเวลาและพยายามทำให้ทันอันนี้ ดีสุดแระ 

  และเผื่อน้องๆสังสัยเอ๊ะและมันจะไปทำได้ยังงายย ลองหาเอาในพวก 4share หรือตามเว็บต่างๆดูก็ได้นะ

ขอยกเป็นตัวอย่างเนอะ นี่เลยย ลิ้งโหลดข้อสอบ TOEFL เป็นแบบ paper base ที่มูอิคเค้าใช้สอบกัน เอาไปฝึกกันนะ ทุกคน  หุหุ


(ต้องขอขอบคุณ เจ้าของเพจข้างบนด้วยนะครับ ช่วยได้เยอะเลย)


เน้นๆ ต่อ พาร์ทข้อสอบอิ้งนี้ เป็นพาร์ทที่สำคัญสุดๆจิงๆนะ เพราะ ระดับอังกฤษน้องจะเป็นตัวตัดสินว่าน้องจะได้ พรีคอลเลจ (pre-college) หรือ คอลเลจ (college) เน้ออ 
     
 แต่ๆๆๆ มันยังไม่จบง่ายๆนะสิ 55555 เพราะสำหรับคนที่ผ่านพาร์ทอิ้งนี้ คือ ติดคอลเลจแล้ว ก็จะถูกแบ่ง 1.ให้ไปปรับพื้นฐาน แบบไม่มีเครดิต วิชา ERS หรือ 2. เริ่มเรียนเก็บเครดิตวิชา EC1ได้เลย ซึ่ง อันนี้ หลักๆเลย มันขึ้นอยู่กับพาร์ท writing ของน้องน้าา

ถ้าคนตรวจข้อสอบแล้ว น้องเขียนดีมากก เค้าก็จะให้ไป EC1 ซึ่งเป็นวิชามีเครดิต
ส่วนคนที่อ่อนการเขียน ก็จะได้ไป ERS เป็นแบบเรียนปรับพื้นฐานกันไปก่อน

แระถ้าถามว่าคนที่ติด ERS ภาษาอ่อนหรอ คำตอบคือไม่นะ พี่คิดว่าทุกคนที่ติดคอลเลจมีศักยภาพพอ เพียงแต่ รูปแบบการเขียนยังไม่ดีพอหรือป่าว เอาเปนว่า คนที่ติดพรีแระสอบได้คอลเลจแระมาติดERSอีกก้มี เพราะฉนั้นอย่าเสียใจที่ต้องเสียเวลาหนึ่งเทอมปรับพื้นฐาน การปรับพื้นฐานนี้พี่คิดว่ามันคุมค่านะจะบอกให้ (หรือใครคิดแบบไหนก้แล้วแต่เลย555 อันนี้ความเหนส่วนตัวเด้ออ...)

 ซึ่งสองวิชานี้พี่เขียนไว้ในอีกพาร์ทนะ 
   ***ขอบอกว่าคนที่ยื่น ielts, toelf ส่วนใหญ่ติดคอลเลจเนอะ แต่ติด ERS กันสะส่วนใหญ่ (พวกที่ได้คะแนน 6.0 part writing อ่ะ เตรียมตัวเตรียมใจเลย) ก็ต้องไปเรียนปรับพื้นฐานตามๆกันไป

   สำหรับพาร์ท เลข พี่บอกได้เลยว่ามันไม่ยากมากก เนื้อหาที่ออกสอบจะอยู่ประมาณม.ปลายๆ และไม่ได้ลึกมาก (ถ้าน้องเตรียมมาหรือ เรียนรร.รัฐ โดยเฉพาะพวกสายวิทย์นี่ได้เปรียบแน่นอลเพราะเลขออกยากน้อยก่าเกินข้อสอบแอดมิดชันเยอะ เด็กๆทั้งหลาย5555)
ซึ่งตอนมัธยม น้องเรียนไปหมดแล้ว เพียงแต่น้องมีเวลาทบทวนบทเรียนเก่าได้ดีมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

   ประเด็นคือ ข้อสอบเลขจะเป็นตัววัดว่าน้องจะได้ระดับเลขอะไรอ่ะนะ ซึ่งถ้าน้องทำไม่ได้เลยยย น้องก็จะติด Refresher Math ถ้าน้องทำได้พองาม ก็จะติด Intensive Math ถ้าน้องทำได้เกินมาตรฐานของข้อสอบ น้องก็จะถูกจัดใน กลุ่มของFundamental Math ซึ่งสองตัวข้างหน้านี้ ไม่มีเครดิตนะครัช เหมือนน้องก็จะต้องปรับพื้นฐาน ซึ่งก็จะต้องเก็บแบบไม่มีเครดิตกันไปเทอม ถึงสองเทอม ถ้าติดอ่านะ สำหรับพี่ ถ้าถามว่าควรจะสอบให้ได้เลขระดับไหน พี่อยากบอกว่า เราควรตั้งใจสอบให้ไปเวลของfund math เลยนะ พี่เชื่อว่าเด็กรร.ไทย พวกหลักสูตรไทยทำได้อยุ่แล้ว เพราะพวกข้อสอบแอดมิดชันยากก่าเยอะะ สำหรับเด็กที่มีพื้นฐานเลขอ่อน หรือ ไม่ชอบเลขเรย ถ้าอยากจะปรับพื้นฐานก้ไม่ว่ากันจย้าา


ประเด็นคำถามยอดฮิตที่เจอน้องๆถาม ส่วนใหญ่ถามว่า ถ้าทำเลขไม่ได้ ยังติดคอลเลจไหม

 คำตอบจากพี่เลยนะ มันไม่เกี่ยวกันชัวๆเลยและกัน (เอาสัก95%ติดคอลเลจแน่ๆ) เพราะผลสอบเลขจะเป็นตัววัดว่าน้องอยู่ระดับไหนและสมควรเรียนปรับพื้นฐานเลขไหมแค่นั้นเอง

เอาเปนว่าพี่จะแนะนำให้เตรียมตัวดีๆๆ อย่าพลาดมาก ถ้าไม่อยากเสียเวลาปรับพื้นฐานอ่านะ เพราะถ้าเสียเวลาปรับ มันก้จะเสียไปเทอมหนึ่งเลยนะ โอกาศจบ3ปีครึ่งก้น้อยลงไป (อันนี้เผื่อใครอยากจบแบบรวบรัด555)



**อ๋อ ขอเสริมตรงพาร์ทสัมภาษณ์สำหรับคนติดแล้วกันเนอะ
ตรงนี้บอกเลยว่าแนะนำอะไรไม่ได้มาก เพราะจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่รอนานมากก5555 แระตอนที่โดนสัมภาษณ์มีอจ. 3 คน จะมาสัมภาษณ์เรา ถามเราเกี่ยวกับเมเจอร์ที่เราเลือก แบบ ทำไมเราเลือกเมเจอร์นี้ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เลือกเมเจอร์นี้ ถามเกี่ยวกะรร. กิจกรรมที่ทำ ทำไมถึงเลือกมหิดลอินเตอร์ ต่างๆที่จะเจออีกมากมาย

ต่อไปก็จะลองขอเก็งคำถามให้แระกานน (อาจไม่ตรงมากนะเพราะ พี่คิดขึ้นมาเอง ตรงมากน้อยเพียงใด มาบอกพี่ด้วยเด้อ)

คำถามแนว ศศ. ก้แบบ คิดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหนเทียบกับก่อนและหลังเข้าASEAN แรงงานพม่าแทนที่ไทยได้ไหมคิดว่าไง คิดยังไงกะนโยบาย attracting Chinese tourism มันมีผลกระทบต่อไทยยังไง มีหลากหลายคำตอบมากกก (ถ้าน้องตามข่าวอ่านะ555) ไม่มีถูกผิดด้วยมั้งง เพียงแต่จับโยงให้มันดูมีเหตุแระผลหน่อยแระกัน เช่น ก่อนอื่นเรยต้องบอกว่าtourist sector ที่ไทยกำลังโปรโมทนั้นเติบโตด้วยนักท่องเที่ยวประมาน 11%ของ GDP พี่คิดว่าก้ดีเหมือนกันนะในการที่ปท.ไทย ดึงนักท่องเที่ยวจีนมา ในแง่มุมของการกระจายรายได้ (income distribution) เพราะอย่างที่รุ้ๆกันสมัยนี้นักท่องเที่ยวจีนมีกำลังซื้อมากมาย ปท.ไทยตอนนี้ ก้ต้องการเงินไหล (capital inflow)เข้าปท.เพื่อฟื้นฟูหลังจากtomyum crisisบ้างแหละ(ถึงมันจะนานมากแระนะ แต่ปท.ไทยยังฟื้นไม่เต็มที่ สังเกตุได้จากการลงทุนต่างชาติ FDIอ่ะแหละ ไม่ค่อยเข้ามาไทยเท่าไหร่ถ้าเทียบกะปท.อื่นๆเช่น เวียดนาม อินเดีย) แต่ๆๆ ถ้าต้องการอันนี้ (เงินไหลเข้าปท) ก้คงต้องแลกกะ อัตราเงินเฟ้อแหละนะ เพราะno free lunchนิเนอะ ถึงยังไงอัตราเงินเฟ้อมันไม่ใช่ประเด็นที่น่าเปนห่วงสักเท่าไหร่ เพราะ BOT(รุ้จักกันใช่ไหม555) ต้อง target inflation อยุ่แล้วมันเปนหน้าที่ของเค้า
                     ส่วนตัว พี่มองว่าไม่ใช่จะปล่อยให้คนจีนทุกคนเข้ามาได้ อย่างน้อยต้องมีคัดกรองบ้างแหละ เพราะคนจีนบางคนมาบ้านเราก้ไม่ยอมใช้จ่าย เอาของฟรีไว้ก่อนหรือไม่ก้ยอมจ่ายหรือจ่ายน้อย แระบอกเรยคนจีนทำอะไรก้ได้ ลองมองย้อนกลับไปสมัยก่อนเส้ คนจีนมาบุกไทย บางคนมาแต่ตัว แระอดทนเก็บออม เก็บเงินแระก้มีดีจนถึงทุกวันนี้ อันนี้ก้อาจจะไม่ตรงประเด็นหลักของincreasing income distribution in short-run แต่ในlong-runไม่แน่ๆ (ไม่ได้จะบอกว่าคนจีนจะมาแย่งงานที่ไทยนะ ไม่เกี่ยวกัน555 เพียงแต่ต้องการจะบอกว่า ไม่ใช่คนจีนทุกคนมาเที่ยวแระจะยอมจ่าย หรือเปย์แบบสุด ก้ต้องยอมรับว่าบางคนขั้น งก ก้มีนะเออ) เพราะฉนั้นรัฐต้องออกมาควบคุม นโยบาย กฏหมายต่างๆนาๆควรปรับให้เข้ากะนักท่องเที่ยวจีน แระทีนี้ รัฐจะทำอะไรได้บ้างแหละ พี่มองว่า ปท.เรานั้น นอกจากมีผลผลิตของผลไม้ต่างๆที่ชาวจีนชอบ เช่น ทุเรียนแล้ว ไทยยังคงขาดความเป็นoriginal สินค้าพื้นบ้านเรามีก้จิง แต่บางอันก้ไม่ได้รับการโปรโมทมากมาย ดังนั้น รัฐต้องimplement infrastructure เพื่อรองรับ technology โปรโมทให้ทันยุคตามสมัยแบบพี่จีน เช่น cashless payment อะไรงี้ อีกอย่างที่รัฐทำได้คือ เข้าไปแทรกแซง หรือที่เรียกว่า set price floor เพื่อช่วยส่งเสริมในการกระจายรายได้ ประมานนี้ๆๆ (ความคิดเหนส่วนตัวล้วนๆเด้อ)

ถ้าคำถามเชิงธุรกิจหน่อย เปนพี่ พี่จะถามว่าอะไรคือ current business trends น้องก้ลองไปศึกษาดู พี่แนะนำได้แบบว่า เด่วนี้ก้จะมีธุรกิจแนว Omni-channel หรือ อะไรที่เกี่ยวกะสุขภาพ ฟิตเนส ต่างๆนาๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ก้มาแรงสมัยนี้ 5555

ถ้าสายสังคม พี่ก้แนะนำให้ลองไปดูพวก บทบาทของ WTO, UN แระผลกระทบต่อปท. ไทยดู ไม่ก้เน้นไปที่ Trump  นี่เรยเพิ่งผ่านไปหยกๆ ประเด็น trade war ที่นางปั่นป่วนทั่วโลก5555 ลองไปตามๆกันดู ส่วนหัวข้ออื่นไม่รุ้มากอ่ะ ลองไปดูๆกันเองเนอะ ^^

อ่อออ เห่ยย อีกอย่างถ้าใครอยากเอา Portfolio ไปด้วยก้เอาไปได้นะ ตอนพี่ พี่ก้เอาไป แต่อจ.ไม่ได้ดูเยอะเท่าไหร่ เปิดแบบผ่านๆ รูปไหนน่าสนใจก้ถามๆๆ สรุปถ้าเอาไปและมันสบายใจก้เอาไปนะ

ตอนที่พี่โดนสัมภาษณ์ เจออจ.ใจดี ซึ่งเค้ารู้ว่าพี่ตื่นเต้น เค้าก็หัวเราะๆออกมา ทำให้พี่หายตื่นเต้นไปเยอะเลยย แหะๆ

สรุป รวมๆแล้วชิลๆอ้ะพาร์ทนี้ พี่แนะนำว่าให้น้องๆอย่าไปเครียด ยิ่งเครียดยิ่งตอบไม่ได้นะเออ พยายามเปนตัวของตัวเอง ไม่ต้องเขิน เวลาตอบก้ตอบแบบมั่นๆ (ถึงคำตอบมันจะผิดอ่านะ ถ้าไม่รุ้คำตอบจิงหรือมันคิดไม่ทัน แนะนำให้น้องเริ่มด้วย น้องเชื่อว่า (I believe)....อะไรก้ว่าไปปป)



ปีที่พี่สอบ เป็นปี 2013 นะ อาจจะดูเก่าๆหน่อย แต่รับรองไม่เปลี่ยนไปเยอะหรอก

สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามูอิคนะคับ สู้ๆๆ 😉

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

แชร์ความคิดเห็นโปรแกรมอินเตอร์ของแต่ล้ะม. มาดูกัน!!!

เอาจิงนะ มันคงไม่มีใครอยากเปรียบเทียบสถาบันการศึกษาหรอก แต่ถ้าคำนึงถึงตัวผู้เรียนแล้วอ่ะ พี่ว่าก็ควรจะมีรีวิวนิดๆหน่อยๆกันบ้างไหม ไม่งั้นมันก้จะไม่มีคนรู้เลยว่าเข้าไปเรียนจิงๆแล้วเปนไงบ้าง ไหวไหม หลักสูตรจิงๆดีไหม บลาๆๆ บทความนี้ก็เรยจะมาแอบเปรียบเทียบโปรแกรมอินเตอร์ของแต่ล้ะม. ว่าตัวพี่เองรุ้สึกยังไงบ้าง เอาเป็นว่าพี่ก้อาจจะไม่รุ้ไปทุกม. หรอก เอาม.ที่ส่วนตัวพี่เองมีประสบการณ์แล้วกันเนอะ ซึ่งก็ขอบอกตามตรงว่าบางหลักสูตรพี่ก็แอบอิงมาจากเพื่อนๆที่เรียนต่างม. ในคณะอินเตอร์ต่างๆด้วย บางหลักสูตรพี่ก็เคยมีเข้าไปนั้งเรียน และบางหลักสูตรก็เคยมีไป open house ด้วยนะเออ เอาเป็นว่าถ้าอ่านแล้วน้องๆได้ประโยชน์พี่ก็คงดีใจ 555


เริ่มแรกเรย พี่ขอบอกข้อดีก่อนล้ะกันว่าทำไมต้องเลือกเรียนอินเตอร์:
1. การสอบเข้าไม่ได้แข่งขันสูงมากเทียบกะภาคปกติ
2. ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะมว้ากก ถ้าเทียบกะการเกบกระเป๋าไปต่อนอก
3. Connection ที่ส่วนใหญ่หาได้จากอินเตอร์ เพราะหลายคนมีธุรกิจเปนของตัวเอง
4. เพิ่มทักษะการใช้ภาษามากขึ้น มีโอกาศที่จะพัฒนาอิ้งแระภาษาที่3ได้มากก่าเรียนภาคปกติ
5. แลกเปลี่ยนต่างประเทศได้ ตรงนี้หลายม.มีโปรแกรมแลกเปลี่ยน ขอให้น้องศึกษาให้ดีๆเพราะแต่ล้ะมฺ ต่างกัน
6. ถึงไม่แลกเปลี่ยนก้มีเด็กต่างชาติเข้ามาเรียนกะเรา ซึ่งทำให้มีเพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้น ชนิดที่แบบว่าไม่ต้องไปทำกิจกรรมก้หาได้ในห้องเรียน 555
7. จบมาเด็กอินเตอร์มีโอกาศได้งานบ.ต่างชาติเยอะเพราะมีภาษาเปนbackground

 ทีนี่พอข้อดีร่ายไปแระ พี่จะเปรียบเทียบมหาลัยอะไรดีล้ะ
ตัวพี่เองจากประสบการคนรอบข้างก็ร่วมรวมข้อมูลมาได้ แระขอถ่ายถอดการรีวิวดังนี้

1. จุฬา (CU)
2. ธรรมศาสตร์ (TU)
3. เอแบค (ABAC)
4. กรุงเทพ (BUIC)
5. เกษตร (KU)
6. Stamford
7. MUIC

อย่าลืมม!! จุดประสงค์ของพี่คือไม่ได้จะมาว่าหรือจิกกัดมหาลัยต่างๆ อุ้วว พี่จะทำแบบนั้นไม่ได้ เด่วเด็กๆม.นั้นดิ้น เก็บกดมาตบพี่กลางสี่แยกไฟแดงทำงายยล้ะ 55555 ก็เรยจะบอกถึงความรุ้สึกส่วนตัวที่เคยไปนั้งเรียน เคยไปopen house +เพื่อนๆของพี่ที่เรียนอยู่แระกันเนอะ 

ก่อนอื่นเรย เราจะพูดถึง “” น้ำใจน้องพี่สีชมพู ที่พี่เชื่อว่าทุกคนและสังคมไทยชอบม.นี้กันมากก จุดเด่นของม.นี้เรย คือ เด็กเก่งเยอะมว้ากเพราะการสอบเข้า แข่งขันกันสูงเหลือเกิน ถึงจะภาคอินเตอร์ของ ฬ ที่พี่คิดว่ามีโอกาศมากก่าแอดมมิดชั่นกลางแล้ว ก้ยังคงต้องแข่งขันและคัดกันอีกทีเพราะมีการจำกัดที่ในการรับ
ปัจจุบันม.นี้หลักสูตรอินเตอร์จะไม่ได้เปิดแยกออกมาแบบตัวของมหิดลอินเตอร์ แต่เปิดตามคณะ ซึ่งถ้าถามพี่ว่าหลักสูตรไหนน่าสนใจ พี่เดายากมาก เพราะเพื่อนๆที่เรียนที่นี่จะมีความภูมิใจเปนเด็ก ฬ สูงมากก ว่าด่าม. ตัวเองไม่ได้ 5555 พี่ก้เรยบอกเรยแระกันว่าน่าสนใจหมดทุกหลักสูตรลองไปดูตอน open house เอาล้ะกันว่าชอบบรรยากาศรอบคณะไหม บางคณะตึกเก่า คอมเก่า น้องอาจจะไม่ชอบก้ได้ แต่เอาเปนว่า ถ้าใจเรามันชอบ ฬ เราก้จะมองข้ามสิ่งไม่ดีของม.นี้ไปในที่สุด ฮาาาา

แต่ๆๆ มันดันมีหลักสูตรหนึ่งที่พี่พอพูดถึงได้ เพราะพี่เคยมีความหลังกะหลักสูตรนี้ หลักสูตรนี้ก้คือ EBA Chula 5555 พอดี รุ้จักน้องๆคณะนี้เยอะพอสมควร ก้คือหลักสูตรนี้เผื่อใครสนใจพี่ก้ขอโปรโมทให้เค้าแระกัน 555 เอาเปนว่าหลักสูตรนี้คือเรียนเกี่ยวกะอีค่อน หรือ เศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์นี่แหละ ไม่มีการแยกเปนเมเจอร์หรือว่าอะไร ก้คือถ้าจะเรียนคืออีค่อน 1 2 แตะเมเจอร์อีค่อนอื่นๆอีกนิดๆหน่อยๆ ซึ่งแล้วแต่เราจะเลือกวิชาตอนปี3-4 ว่าจะเรียนอะไรในแขนงอีค่อน เช่น เรียน international trade แระ public econ แต่ถามว่าโอเคไหมที่หลักสูตรเปนแบบนี้ เอาจิงก้โอเคนะมันไม่ได้เลวร้ายมากขนาดที่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เรย มันก้ทำให้เรารุ้แบบกว้างๆเรยอ่ะ ซึ่งเอาจิงถ้าตอนทำงาน เราจับไปใช้ได้บ้างแหละ ใครสนใจหลักสูตรนี้ก้คลิกเรยยย: http://www.eba.econ.chula.ac.th/ ส่วนค่าเทอมตกพอๆกันกะมหิดลอินเตอร์เรยจ้า ล่าสุดที่พี่ได้ยินคือ เทอมล้ะ 80,000 บวก ซัมเมอร์ที่เพื่อนพี่บอกต้องลงอีก 30,000 ก้คำนวนกันเองล้ะเอง เมื่อยมือพิม อิอิ

**อ่า เผื่อน้องคนไหนยกมือ "พี่ค้าบ แล้วมันต่างจาก อีค่อนของตัวมหิดลอินเตอร์มากไหม" บอกเลยว่า มันคนล้ะแขนงกัน ของที่มหิดลอินเตอร์ ภาค อีค่อน จะเปน ศศ.ธุรกิจ ซึ่งเราจะเรียนบริหารธุรกิจช่วงปี1-2 แล้วไปให้อจ.เคาะความรุ้อีค่อนตอนปี 3-4 หรือจะบอกได้ว่ามันก็จะกึ่งๆแนวบริหารครึ่ง อีค่อนครึ่งนึงอ่าแหล่ะ ส่วนตัว คิดว่า ของตัวมหิดลเองจะไม่ได้เจาะลึกไปที่ economics theory หรือเน้นการทำวิจัย มากเท่าของ ฬ คือ ไม่ได้บอกว่า มหิดลไม่เจาะลึกนะ ที่เรียนมาก็ค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ที่รุ้สึกชัดเจนมากคือการที่MUICจะเน้นไปในการ apply knowledge ในมุมมองของภาคธุรกิจมากกว่าจ้าส เช่น การคำนวนต้นทุน /การลดต้นทุน ผ่าน case study ประมานนั้น

ต่อมาาา ธรรมศาสตร์ อินเตอร์ ที่พี่จะพูดถึง พี่ขอแตะๆแค่ของ siit ล้ะกันนะ ถ้า BMIR, BE อะไรแบบนี้จะไม่รุ้จักเท่าไหร่ เพราะเพื่อนๆพี่อยุ่ si กันเยอะมากก

แบบว่า SIIT มีความคล้ายตัวมหิดลอินเตอร์สูงมากก คือเค้าเปิดมาเป็นวิทยาลัยนานาชาติเดี่ยวๆเหมือนกันเลยย แต่เหมือนจะเน้นไปวิศวะ ซึ่งมูอิคไม่มี5555 เอาเปนว่าจุดเด่นของภาคอินเตอร์ที่นี่ คือ เปนวิศวะอินเตอร์ที่ใครสอบไม่ว่าจะสายวิท สายศิล ก้ติดกันละเนละนาด แต่เดกซิ่วก้เยอะเหมือนกันเพราะตายกันระนาบเมื่อเจอพวกฟิสิก เคมี ชีวะ เดกที่เหลือรอดอยุ่คือการดำรงชีวิตด้วยการเรียนพิเศษหน้าม. หรือ การที่ได้รับความเมตุตากรุณาจากอจ. หรือเก่งแบบจิงจังขยันแบบสุดโด่ง แต่ถึงจะว่างั้นว่างี้ พี่ว่าถ้าน้องจบมาได้คือ หินมากกกก เพราะอย่าลืมว่านี่คือวิศวะ แระใบวิศวะนี่ทำอะไรได้เยอะมากก แระทีนี่เดกsi ก้จะมีคู่แข่งกะเดก tepe ที่เปนตัวของวิศวะมธ หลักสูตรอินเตอร์อีกทีด้วยแต่ขอไม่เน้นล้ะกันนน ปัจจุบันค่าเทอมของที่นี่ เทอมล้ะ 90,000 บาท พี่ไม่รุ้ว่ามีซัมเมอร์ด้วยไหมไปเช็คกันเองล้ะกันนาจา ลิ้งค์เผื่อใครสนใจ https://www.siit.tu.ac.th/

ต่อปายยยย....เอแบค เป็นม.ที่พี่คิดว่า เค้ารับคนง่ายมว้ากก แทบเรียกได้ว่าไม่มีการแข่งขันเรย แต่ไปแข่งขันกันตอนเรียนสะมากก่า เพราะด้วยความที่เค้าไม่ค่อยคัดคนเท่าไหร่ ก้ทำให้เด็กๆในนั้นมีความเก่งแบบหลากหลายมากกก เด็กที่ไม่เก่งก้ตายๆกันไปเยอะก้มี เอาเปนว่าเด็กเก่งที่เลือกเอแบคเพราะได้ทุนก้มี! เอแบคให้ทุนเดกเยอะมากกกก แระพี่ก้รุ้ว่าหลุดทุนกันเยอะเหมือนกัน ซึ่งพี่เดาว่าส่วนใหญ่เข้าไปแล้วเรียนหนัก เรียนไม่รุ้เรื่อง อจ.สอนไม่เข้าใจ ติดเพื่อน บลาๆๆ (ซึ่งเอาจิงก้เปนกันทุกม.แหละ) แระการรักษาทุนมีเงื่อนไขยิบย่อย แบบต้องรักษาเกรดนุ้นนี่ ก้ทำให้เดกเรียนปานกลางแต่ได้ทุนหลุดทุนได้จย้า สิ่งที่เอแบคคล้ายมากกะมูอิคคือ เราทั้งสองเปนสถาบันที่เริ่มหลักด้วยหลักสูตรอินเตอร์กันทั้งคู่ ไม่ใช่แยกคณะแบบ ม.อื่นๆ หลักสูตรต่างๆเอแบคมี มูอิคก้มีจย้า แค่แอแบคจะออกแนวกว้างก่า แระพี่ก้เหนส่วนใหญ่เดกๆเลือกกันก้จะมีบัชญี ไม่ก้นิเทศ สิ่งที่เอแบคมีดี คือเด็กจีนเยอะ (มูอิคไม่ค่อยมี) ซึ่งถ้าใครอยากได้ภาษาจีนก้ม.นี้โลดดด ส่วนค่าเทอม เท่าที่พี่รุ้ล่าสุดคือ 60,000 บวกๆอัพ

ต่อมาอี้กก ม.กรุงเทพ อินเตอร์ เปนม. ที่พี่รุ้จักแต่เพื่อนเรียนนิเทศกันอยุ่เยอะมว้ากก พี่ก้เรยเดาว่าหลักสูตรนิเทศอินเตอร์ของเค้าน่าจะดี ดีในที่นี่หมายถึงความพร้อม พวกอุปกรณ์ต่างๆนาๆ จุดแตกต่างที่ทำให้ม.นี้เด่นดั่งดั้งจมูกที่หมอศัลยอมทำให้ ก้คือ เค้ามีของ แระสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกเย้อะมากก อีกอย่างที่พี่ได้ยินมาอีกก้คือ ฝรั่งเยอะมากกก และเฟรนลี่ ซึ่งถ้าน้องชอบพูดคุย ก้อ่าเครเรย ส่วนค่าเทอมได้ยินล่าสุดมาว่าปีล้ะ แสนบวกๆ ก็น่าจะเทอมล้ะ 5หมื่น-6หมื่นได้แหล่ะ (ปกติตามเกณของหลักสูตรอินเตอร์ทั่วไปนะเอาจริง)

ม.เกษตร อินเตอร์ หรือ EEBA ขอรีวิวECONแระกัน เพราะคณะอื่นพี่ไม่มีเพื่อนอยุ่ เอาเปนว่าเหนเพื่อนบอกเพิ่งเปิดตึกใหม่ไป ก็หมายความได้ว่าอาจจะน่าเรียนขึ้น สิ่งที่ม.นี้แตกต่างจากหลักสูตรอื่นเรยก้คือจะมีหลักสูตรแบบเปน agricultural economics ซึ่งพี่คิดว่า เห้ยย ดูน่าสนุกดีเจิงงๆ อีกอย่างคือ มีการแข่งขันการรับเข้าระดับนึงซึ่งก้จะทำให้มีเด็กเรียนค่อนข้างเยอะ ส่วนค่าเทอมตกเทอมล้ะประมาน 70,000 บวกลบ อัพๆ ไม่รุ้เหมือนกันว่าสุดๆแล้วเท่าไหร่ ฮาาาา นี่เว็บ www.eeba.eco.ku.ac.th/

แสตมฟอ์รด หรือมหาลัยน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานมาก ชื่อจิงๆของเค้าคือแสตม ไม่ใช่แสตนฟอด 5555 ซึ่งเปนม. อินเตอร์ แยกหลายหลักสูตร มีการจัดการการบินให้เรียนด้วยนะเออ เอาเปนว่าหลักสูตรที่เค้าก่อตั้งขึ้นมาพี่เชื่อว่า น่าจะปรับให้เข้ากะยุคปัจจุบัน ยังไงก้ลองไปดูหน้าเว็บ เค้าได้นาจา สิ่งที่ดีอีกอย่างเกี่ยวกะม.นี้คือ มีอยุ่ที่ภูเกตซึ่งถ้าใครเคยไปจะพบว่านี่คือดินแดนของฝรั่งอั้งม้อเรยแหละ 5555 ใครสนจายย นี่เรยยย https://www.stamford.edu/th/ ส่วนนี่ค่าเทอม https://www.stamford.edu/th/tuition-fee/

ส่วนถ้าพูดถึง มหิดลอินเตอร์ ภาคไหนน่าเรียน พี่บอกเรยว่าน่าสนใจทุกหลักสูตร แล้วแต่เราเลือกเรย! คือพี่ก้ไม่รุ้ว่าทุกคนชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่ขอเขียนหลักสูตรคร่าวๆแล้วกัน
การโรงแรมของมหิดลนี่ดูเค้าโปรโมทจิงไรจิง เด็กการโรงแรมจะเรียนทุกอย่างเรยที่พอจบไปแล้วบริหารโรงแรมได้ หรือ ถ้าจะเอาพวกวิทย์อาหาร (food science) ไรงี้ก้สนุกสนานกันไปเหมือนกัน มีเข้าแลป ทดลองทำอาหาร หรือวิจัยพวกสารกันบูด กับการแปรสภาพของอาหารก้ดูคูลลดีนะ ส่วนบีบีเอเปนโปรแกรมที่อจ. แระบุคลากรของมูอิคกำลังทำเรื่องให้ผ่าน AACSB หรือ การประเมินจากต่างชาติอยุ่ ซึ่งถ้าผ่านก้เรียกได้ว่าแข่งกะที่อื่นได้ไม่แพ้กันแน่นอล ถ้าสายสังคม น้องจะรุ้ได้ว่าเถียงประเด็นต่างๆกันในคลาสไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ มันต้องมีสักคลาส แระไปเถียงกันต่อตรงบรรไดทางขึ้นทางลง 5555  ส่วนเรื่องการแอดมินชั่น มูอิคจะเน้นไปแบบว่ารับทุกคนสะมากก่า แต่จะออกแนวแยกว่ารับเปนเด็กพีซี (เรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ) หรือเข้าไปเรียนปี1ได้เรยสะมากก่า ซึ่งตัวมูอิคเองจะค่อนข้างติดยาก อ่อค่าเทอม แล้วแต่เราลงอ่ะ หน่วยกิตล้ะ 2,500 แต่ล้ะวิชามี4 หน่วยกิต ก้คูณไป แล้วแต่เราจะลง สุดๆแล้วไม่น่าเกิน 70,000บ ต่อเทอมสำหรับบีบีเอ ส่วนถ้า FAA เหยียบแสนจย้าาา.... ยังไงไปศึกษากันดูอีกที นี่เว็บ www.muic.mahidol.ac.th

สุดท้าย ท้ายสุดดเลยล้ะกัน ฝากไว้ว่า มันไม่มีหลักสูตรอินเตอร์ที่ไหนดีที่สุดหรอกเพราะสุดท้ายแล้วมันขึ้นอยุ่กะผู้เรียนล้วนๆว่าเรียนแล้วจะกอบโกยอะไรจากอินเตอร์ได้บ้าง และอย่าลืมว่าเราไม่ได้เรียนต่อนอก เรายังอยุ่เมืองไทยเพียงแค่การเรียนอินเตอร์ มันเทียบกันไม่ได้อยุ่แล้วถ้าจะต่อนอก แต่การเรียนอินเตอร์ในไทยจะทำให้น้องล้อมรอบอยุ่ในบรรยากาศของอิ้งspeaking ซึ่งเพิ่มโอกาศในหารเพิ่มศักยภาพฝึกฝนอังกิด  ส่วนตัวแล้วพี่มองว่าถ้าน้องชอบอินเตอร์ของที่ไหนก้ แอดโลดดด