วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Economic courses part II

แบ่งออกมาเป็น2พาร์ท (มันน่าจะยาวมากๆ555)

International trade and finance

สองตัวนี้ตอนที่พี่เรียน จะแยกเป็นสองตัวเลยนะ แต่หลักสูตรใหม่ตอนนี้จะเอาอิสองตัวนี้รวมกันแล้ว ก้คือ เจอเทรดครึ่ึง อีกครึ่งเปนอินไฟ เออ แล้วมันต่างไงง่ะ พี่ (หลายคนถาม 5555) พี่ตอบเลย อ่อ ไม่ค่อยแตกต่างหรอก อจ.เค้าตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกส่วนหนึ่งแระเอาทั้งหมดมายำๆรวมๆกัน 55555 สรุปก็คือ เจอแทบทั้งหมดแหละน้องเอ้ยย มีบทท้ายๆๆๆเลยมั้งที่ตัดออก

เอาเป้นว่าสรุป ของอินเตอร์เทรดก่อนแระกัน ตัวนี้พี่เรียนกะอจ. Thasinee เป็นอจ. อินเตอร์เทรดที่ใจดีมากๆๆๆแระเข้าได้กะเด็กทุกคน เคยบ่นนอกคลาสว่าจบอีค่อนไปทำอะไรได้ อจ.ก็ทนฟัง และก็แนะนำนุ้นนี่ คือเอาง่ายๆอจ ชิลมากและน่ารักมากมาย5555 โหยย ถ้าอจ.เข้ามาอ่าน อยากบอกคิดถึงอจ.มากกกก TT เสียดายเจอ อจ.เทอมเดียว น่าจะเอาอจ.มาสอนวิชาอื่นด้วย เออ แต่ช่างเถอะ...คลาสแรกไปจนถึงมิดเทอมของวิชานี้ก็จะเรียนอะไร ที่มันเป็น theory ไปสะส่วนใหญ่ก่อน เท่าที่จำได้ก็จะมี

Absolute advantage (AA) <- อันนี้ ตัวพ่ออัมดัม สมิด เริ่มคิดเลยย555 เริ่มแรกก็จะassume blah blah มากมาย...เอาเป็นว่า สรุปได้ว่า มีประเทศอยู่สองประเทศ แระ2ปท นี้ผลิตของ สองสิ่ง (both countries produce the same products) เช่น X,Y แระนางก็เอสซูมอีกว่าให้ตลาดเป็น perfect competition แระกัน เพาะว่าถ้าตลาดอยู่ในconditionนี้ มันจะทำให้ set price = to wage payment หรือเอาง่ายๆ มันจะดูโอเคขึ้น ง่ายขึ้นที่จะเข้าใจไม่ต้องคิดมากนุ้นนี่ 5555 อ่อ แระนางก็เขียนให้ theoryนี้ว่าผลลัพสุดท้ายแล้วอ่ะนะ ถ้าประเทศเรามีความสามารถในการผลิต เช่น สินค้า X มากกว่าอีกประเทศ ให้เราส่งออกสินค้าX แระหยุดผลิตสินค้าY ส่วนอีกปทก็ทำแบบนี้แหละเพียงแต่คนล้ะ direction แบบ ให้อีกปท ผลิตสินค้าY  แระนำเข้า X

เอาง่ายๆคือ ถ้าจะดูตามหลักเหตุและผลมันอาจจะไม่ค่อยเมคเซ้นเท่าไหร่ แบบ เออ ทำไมปท กูต้องหยุดผลิต ตังหนึ่งด้วยฟร่ะ5555 แระอีกหลายอย่าง คุณอดัมก็ไม่ได้อธิบาย (หรือ ลืมคิดไป555) แระนี่คือเหตุผลที่มีนัก ศศ Ricado แย้งขึ้นมาว่า เห้ย มันไม่ใช่นะเว้ย แระถ้า สองปท นี้มัน Efficient หรือมี AAในการผลิตทั้งสองอย่างเท่ากันล้ะฟร่ะ 555 อืออ ท่านอดัมของเราเลยบอกว่า เออ งั้น ก็no trade ไปเส้... อือ ง่ายๆแบบนี้ก้ได้

ภาคต่อของสตอรี่นี้คือยังไม่จบ Ricardo ผู้นี้ นางไม่ยอม ไหนๆก็ Dedicate ตัวเองมาด้าน ศศ มาทั้งชีวิตแล้ว แล้ว นางก็เลยยอมทน Develop theory ต่อจากอดัม ซึ่ง มีชื่อว่า Comparative advantage คือไม่ให้ดูที่จำนวนการผลิต ดูที่  relative price comparison แทนไรงี้ ขอเตือนว่า คอนเซปนี้มันโยงไปอีกหลาย theory เลยดูเหมือนจะตบตีกันไปในตัว แต่จิงๆแล้ว มันซับพอร์ตกันเอง เหมือนเรามองเห็นของสิ่งหนึ่งแต่ตีความหลายแบบ 5555 เอาเป็นว่าสรุปแล้ว สิ่งที่อิตานี่ อยากบอกให้เด็กขีเกียจ2017 อย่างพวกเราก็คือ ถ้าทำตาม trade pattern ของนาง ซึ่งก็คือ ปท1 มีCAเป็นของตัวเอง แระให้เทรดกัน ทั้งหมดเนี่ย จะทำให้ (ขอเขียนเปนอังกฤษน้าา5555) Domestic country use the underused resources to be fully specialized in one production. The two countries can benefit from cheaper relative price comparing to when they make it on their own. หรือจะให้ paraphrase ทั้งหมดเลยอ่านะ ก็คือ "Let the pro do it!" 55555

ภาคเทรดยังไม่จบเท่านี้ ในเมื่อมีคน สนใจเรื่องเทรดเป็นจำนวนมาก ก็เลยทำให้มีหลาย theory ให้พวกเด็กๆเรียนกัน 5555 ท่านผู้นี้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อขัดขวางโลกหรือว่าอะไร 5555 เพียงแต่นาง develop trade theory ตามยุคสมัยของนางเองจ้าาา5555 ซึ่งสิ่ง ที่นางสังเกตุเห็น ก็คือ ในแต่ละปทอ่านะ จะมี Endowment อยุ่ ซึ่งหลักๆมันก็คือ resource อ่าล้ะ นางผู้นี้แยกendowment เป็น2อย่าง 1.Capital 2. Labor ทีนี้ นางก็เลยบอกว่า เวลาป.ท.หนึ่งผลิตอะไรก็จะดู ที่endowment พวกนี้แหละ ถ้าอันใดอันหนึ่งมีมาก ก็จะทำให้ราคาของ มันถูก นางผุ้นี้เป็นใครไม่ได้ นอกจากสองคนนี้เลยย คือ Hecksher แระ Ohlin theory <3 รักพวกนางจางง 5555 เอาง่ายๆ ลองนึกถึงป.ทไทย ที่พวกเรารักดูสิ ไทยเรามี labour มากมายนักหนา เราก็จะใช้คนผลิตสินค้า เพราะค่าแรงมันถูกใช่มะ เราก็จะใช้แรงงานคน ผลิตสินค้า เช่น เสื้อผ้า แระราคาตามตลาดก็จะถูกก่า สินค้าที่ใช้ capital หรือพวก machine ในการผลิต

ส่วนกราฟต่างๆเราก้จะดูไปที่ผลของการที่มีนโยบายจากรัฐเข้ามาแทรกแซง เริ่มต้นด้วยเราจะดูที่ partial equilibrium (effects on government, seller, buyers and price and supply distortion) แระมองไปที่ general equilibrium (terms of trade )

Tariffs AND Non-tariff measurement
ต้องบอกว่าทางทฤษฏีนี้สองตัวนี้แตกต่างกันมักๆ Tariffs ที่เราเรียนๆกัน ก้จะมี Specific tariffs and ad-valorem tariffs ซึ่งเอาง่ายๆทั้งสองคือ แบบแรกคิดตามจำนวนที่ส่งออก ส่วนอันที่สองก้คิดเป็นเปอร์เซน

NTM จะเปนพวก Quotas, taxes, subsidies, technical regulations

WTO and its role
1. Non-discrimination
2. Most favor nation


International finance 
เป็นอีกตัวที่ซับพอร์ต อินเตอร์เทรดของพวกเรา ชาว ศศ. เพียงแต่แยกออกมาเพราะ อินเทอร์เทรด จะไม่เน้นตัวเลข จะเน้นไปที่คอนเซปสะมากก่า 5555 เอาเป็นว่าชื่อก็บอกอยุ่แล้วเนอะ Finance/เลข 5555 แระมีอินเตอร์ ด้วย อืมมม...ข้ามชาติกันเรยทีเดียววว วิชานี้ไม่มีอะไรมากก ใครบอกยากกส์...ให้เค้าตบปากตัวเองเด่วนี้!! 55555 อย่ามองวิชานี้อย่างนั้นเส้ 5555 เพราะวิชานี้ออกจะน่ารักดอกท็องงส์ขนาดนี้ 55555555 ป่าวหรอก... เอ้ยย จิงๆมันก้โอเคนะ กราฟ 300++ ได้ ชิฟขึ้นลงๆ 55555

จิงๆจะบอกว่า พูดไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรน่ากลัวมากก่าความคิดของเราอีกแล้วแหละน้องๆเอ่ยย 55555  วิชานี้มันก็กลางๆ ใครทวนบ่อยก็ได้ผลเองแหละ ใครหวังจะทำ พวก SET หรือ พวกบริษัท Exxon พวก MNCs ต่างๆนาๆ ตัวนี้เก็บ เอ นะน้องๆ เพราะมันสำคัญมากก ตัวนี้เป็นพวก Exchange rates หลักๆเลย แระมันจะเป็นเครื่องมือหลักที่ติดตัวน้องๆไปเพื่อ วิเคราะห์การเงินตลาดForex ได้เลยแหละ

เริ่มแรกเลยน้องก็จะได้เรียน เกี่ยวกะ Spot rate ซึ่งก้คืออัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาจุดหนึ่งอ่าแหละ เช่น เรทวันนี้ถ้าจะแลกเปลี่ยนของดอลล่าเป็นเงินไทยอยุ่ที่ 31.36789..บาท แต่ถ้าพรุ่งนี้ปุ้บเรทจะไม่ใช่เรทนี้อีกต่อไป หรือก้อย่างที่รุ้กัน มันเปลี่ยนแปลงตลอด ทำให้กำไรบริษัทที่ถือเงินสกุลต่างชาติเปลี่ยนแปลง หรือ ได้รับเงินสกุลต่างชาติแปลงเป็นไทยบาทเปลี่ยนแปลงได้ตลอด มนุษย์ที่ไม่ชอบความเสี่ยงก้เลยคิด  Forward contract ขึ้นมา

เอาง่ายๆจะใช้โดย3กลุ่มหลักๆ
1. Speculators
2. MNCs
3. Exporters and importers

นอกจากForward ก็จะมี futures แระ option แต่รุ้สึก2ตัวที่เหลือนี้จะไม่เรียนนะ ไปเจอใน MCF แทน
บทแรกๆก็จะมีประมานนี้ๆ แต่ความยากมันจะเพื่มขึ้นตามบทไปเรื่อยๆ 55555

บทที่2 ก็จะเป็น บัญชี ศศ. หรือ Balance of payments หรือ BoP อ่าแหละ อันนี้ก้จะดูความสัมพัน ต่างๆของเทรด เช่น Current account, capital account สองตัวนี้จะrecord พวก import, export, และ international finance จุดสำคัญของBoP คือ *Trade balance และ  *National reserve อันนี้ เน้นมากๆเพราะจะเอาไปใช้วิเคราะห์ อัตราแลกเปลี่ยนในระยะต่อไป

Industrial organisation

ต่อจาก คอนเซปของไมโครก็ว่าได้วิชานี้ แต่ไม่น่าเบื่อเท่า 5555 แค่มีobjective หลักตรงที่เราพยายามจะเน้นหาคำตอบว่า Why some market leads to inefficiency, by looking at its characters and types of markets exist in the world.

เริ่มแรก จะเริ่มคล้ายๆไมโครเลยแหละ ไปที่พวก Perfect competitive, oligopoly และ monopoly หลังจากผ่านสองตัวนี้ไปเราจะไปดูตลาดของ Monopolistic หรือ ตลาดที่คล้ายๆ Perfect competition และmonopoly ผสมร่างกันแต่ ต่างกันตรงที่ products are not identical, each product gets to be differentiated and firms are the price takers มันก้จะเปนมหากาพร่ายยาวไปเรื่อยๆ55555

Econometric

ให้จำว่าวิชานี้เริ่มด้วยความเข้าใจจากวิชาสถิติ (stat ทั้งหลายแหล่แห่มาเตมๆ) แต่จะเบาหน่อยตรงที่มีโปรแกรมมาช่วย แต่ๆๆๆ (หลายแต่มาก 5555) มันก้ต้องฝึกกดเครื่องคิดเลขอยุ่ดีเพราะตอนสอบไฟนอลไม่ได้ใช้คอมรันโมเดลช่วยได้ไง ตอนสอบไฟนอลสิ่งที่น้องจะเหนคือใจเหลวๆของน้องๆเอง กระดาษข้อสอบที่หนามาก (15หน้ามั้งถ้าจำไม่ผิด) แระเครื่องคิดเลข อ่อ แระก้โน๊ตที่อจ.ให้เอาเข้าได้ 5555ที่พิมไปไม่ได้ขู่นะ มันเปนแบบนี้จิงๆ แระกี่เทอมๆก้แบบนี้หมด คนที่เข้าใจคือคนที่เค้าทวนบ่อยๆ เค้าถามคำถามเวลาสงสัยไม่เก็บกักเปนเขื่อนน้ำหาคำตอบเอง เพราะเค้าเชื่อว่าเวลาเค้ามีค่า อิอิ อ่ออ หรือไม่ก้คือคนที่ไปเรียนพิเศษเพิ่ม 5555

เอาเปนว่าพี่จะพยายามเขียนว่ามันเกี่ยวกะอะไรให้อ่านแระกัน
เริ่มด้วยนี่เรยยย...
Marginal effect จำกันได้ไหมม คำนี้แปลว่าอารายย 555 มันคือหาค่าการเปลี่ยนแปลงจากการเพิ่มขึ้นมา1หน่วยช่ะ อันนี้แหละคือหลักของเศรษฐมิติ เอาง่ายๆก้คือ หลักศศ.ทั่วไปเค้าก้จะบอกว่า เช่น คนที่มีเงินเดือนเยอะก็เก็บเยอะช่ะ แต่ในเศรษฐมิติเราจะตั้งคำถามว่า ถ้าเพิ่มเงินเดือนมา เปอร์เซนๆเท่านี้เราจะเก็บเงินเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหน

หรือ ถ้าไม่เหนภาพกัน ชอบวิชามาเกตติ่งกันไหมเด็กๆ555 นักมาเกตติ่งชอบบอกว่า โฆษณาผ่านทีวีจะทำให้ยอดขายดีขึ้นเปอร์เซนเท่านี้ๆ แต่ถ้าในหลักเศรษฐมิติจะโยงคำถามไปถึง อะไรเปนปัจจัยที่ทำให้ยอดขายเพิ่มได้อีก เช่น ยอดขายเพิ่มจากโฆษณาทางทีวี 15% แต่ก้มีปัจจัยโฆษณาทางสื่ออื่นๆ เช่นโฆ.ทางวิยุ Billboard ไรงี้ ทำให้ 15%นี้มันไม่น่าใช่15 หรืออาจจะเพิ่มมากก่า15%ก้เปนได้ เราจะสนใจไปทางคำถามนี้มากก่าา

หรือๆๆๆๆ ถ้าคนที่ยังไม่เกตจิงๆ เอาจิงมันก้คือ การหาสมการที่พวกแกเรียนกันในแมคโคร ไมโครอ่าแหละ เช่น  wage = 1500 + 15workexp + 2gpa ไรงี้

ทีนี้ แระมันเกี่ยวไรกะสถิติอ่าาา พี่ตอบว่า อ่อน้อง เพราะว่าเราใช้ข้อมูลในการสร้างสมการหรือ โมเดลทางศศ.ไง แระก้จะมีคำถามอีกว่า แระจะรุ้ไปทำไม ใครอยากรุ้ พี่ก้จะตอบว่า เพราะพวกแกเรียนศศ.ไง มันเลยต้องเรียน555555 แระก้จะมีคำถามยิงมาอีกว่า มันใช้ได้จิงหรอ พี่ก้จะบอกว่าอยุ่ที่ข้อมูลว่ะน้อง ถ้าข้อมูลดี มันจะใช้ได้จิงๆๆ

แระทีนี้ มีคำถามหรือสงสัยกันไหมว่าทำไมต้องโยงถึงสถิติ เราไม่ได้เรียนเกบข้อมูลหนิ พี่ก้จะบอกใช่น้อง เราไม่ได้เรียนเกบข้อมูล แต่เราเรียนวิธีวิเคราะห์ข้อมูล หลักๆเลยคือหา Variation (แปลไทยไม่ถูก) หรือ ข้อมูลเราต่างจากตัวอื่นมากแค่ไหน พิมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ยกตัวอย่างล้ะกันนะ
Variation ต่างๆก้จะมีแบบ ค่า SD. , Variance, mean ไรงี้

ข้างบนนี้อ่านแระอาจจะโอ้วว *0* โล่งอกมันก้แค่สิถิติปกตินี่ 55555 ไม่ใช่น้อง!! มันขยายร่างได้มากก่านี้ แระมันจะไปไกลมากกกกก!!! เราจะมีการหาค่า Beta, alpha, p-value, t-score, z score, standard deviation, standard errors, F-test, null-hypothesis, Durbin-watson test, white-test แระอื่นๆอีกมากมาย

แต่มันก้จะซ้ำๆแบบนี้แหละนะ แค่จะขยายร่างไปเรื่อยๆ เช่น จากหา beta ตัวเดียวในsimple regression ใน multiple regression เราจะหา beta หลายตัว ค่าอื่นก้เปลี่ยนตามไปอีกกก หรือ time-series analysis ก้จะใช้อีกรูปแบบหนึ่งเรยแหละ แระก้จะมีการสร้างโมเดลพวก co-integration อะไรงี้อีก

หลักๆนี้ เพื่อหาสมการ แระท้ายสุดตบด้วยข้อสรุปว่าสมการมันโอเคที่ใช้ได้จิงๆไหม55555