สำหรับพี่แล้วตอนพี่เรียนที่นี่ มูอิคจะเน้น ไปทางสาย apply มากกว่าท่องจำนะ ซึ่งพี่ว่านำไปใช้ได้จริงๆนะ ตอนเรียนอจ.ก็พยายามทำให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม ถกเถียงกันว่าคิดยังไง
อจ.บางท่านก็จะเน้นไปสอนจากประสบการณ์ที่เค้าเคยเจอสะมากกว่าสอนตามหนังสือ
อยากจะบอกน้องๆว่า ที่มูอิคเนี่ยนะ เรียนหนักตรงที่ เทอมหนึ่งของมูอิคจะมีอยู่สามเดือน ซึ่งถ้าเทียบกับ ม. อื่นๆ เค้ามีกันแค่สองเทอม (เทอมล้ะ5เดือนมั้ง) กลายเป็นว่าพวกเราเหมือนได้หลักสูตรเร่งรัดอะไรไปเลยประมาณนั้นฮ่าๆๆ แต่ ตอนเรียนก็แอบชิลๆอยู่ เพราะส่วนใหญ่เนื้อหาที่สอนมันก็จะโดนปรับให้พอดีกับเวลาเพียงช่วงสามเดือน อีกอย่าง วันเวลาเราการเรียนเลือกเองได้ไง ส่วนใหญ่เวลาว่างจะเยอะมากก โดยเฉพาะช่วงปี1 (แต่อันนี้ก็แล้วแต่เวลาที่ลง(หรือที่เรียกกันว่าเซคน่ะแหลพ)ที่น้องๆเลือกกัน บางคนได้เซคไม่ดีก็ต้องเรียน6วันก็มี) เพราะใครโชคดีลงเรียน4วันได้ก้ มีเวลาอ่านหนังสือให้เตรียมตัวเยอะหน่อย
อีกอย่างที่น้องๆต้องเจอคือ ระบบที่ตัดเกรดแบบเกณฑ์ ไม่ได้อิงจากกลุ่ม แบบ ม.อื่นๆ
ที่นี่จะตัดแบบ เกณเป็นหลัก เช่น A ที่ 90% ไรงี้ (บางคลาสนี่ A ที่ 95%) ก็ใจล่มๆกันบ้างอ่านะ เร่งรัดแล้วยังให้เอยากอีก
ส่วนสังคมเด็กของที่นี้ พี่ว่าก็ออกแนวไฮโซหน่อยๆนะ เพราะก็อย่างที่รู้ๆกันค่าเทอมแพงมหาโหดขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่จะมีลูกคุณหนูเยอะหน่อย ฮ่าๆๆ (แต่เอาจิงๆเลยถ้าม.ไหนไม่มีลูกคุณหนูสิแปลก แปลกมากกก) แต่ๆๆพี่ว่า พวกเค้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เพื่อนๆที่นี่ก็ออกจะชอบคุยกันมากกว่า บางคนนี่สายเม้ามอยเลยนะ ถึงหน้าจะดุๆหน่อยก็เถอะ 555
ส่วนคำว่ารุ่นน้อง รุ่นพี่ ของที่นี่ พี่ว่ามันดูปกติกว่าม. อื่นมากเลยนะ ปกติในที่นี้คือ มันก้ไม่ได้มีการแทคแคร์มากมาย แบบ สายรหัสก็รุ้สึกมีแต่ไม่ได้มีทุกคน!! (ไม่รุ้ตอนนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนนะ ฮ่าๆ) อาจจะเพราะว่าสังคมออกแนวฝรั่งๆหน่อยม้างงง และ รับน้องไม่ได้โหดเท่าม.อื่นด้วยมั้ง เลยไม่ค่อยมีความเน่นแฝงสัมพันธ์แบบ น้ำใจน้องพี่สีชมพู (ฮ่าๆ อิงม.นี้สะเลย) คือ รุ่นน้องรุ่นพี่ก็ไหว้กันปกติอยู่อ่าแหล่ะ (บางคนก้ไม่ได้ไหว้ ก้โบกมือเฉยๆกัน) แต่ก็มันก็จะมีความ independent สูงมากมากั้นอยู่หน่อยๆ เอาจิง พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ แต่อยากให้น้องๆเจอกับตัวเองเลยดีกว่า 55555
คราวนี้มาดูระบบการเรียนกันดีกว่า
วิชาที่นี้ จะเน้นไปที่ หนังสือของ mcgraw hill education สะไปส่วนใหญ่
อันนี้ก็แล้วแต่น้องๆเลยแล้วกันว่าจะซื้อหรือไปยืมที่ห้องสมุดเอา (ห้องสมุดถ้าอยากยืมก็ต้องไวๆหน่อย เพราะหนังสือส่วนใหญ่มีอยู่ 2-3 เล่ม) ตอนที่พี่เรียน พี่ชอบไปยืมที่ห้องสมุด เพราะหนังสือเล่มหนึ่งแพงมากก ตกเล่มล้ะ 1,000++ บาทได้ คือ เสียค่าเทอม ห้าหมื่นเกือบหกหมื่นไปแล้วว อย่าหวังเลยว่าจะได้เงินค่าหนังสือตรูอีกกก แต่ถ้ายืมไม่ทันจิงๆ เช่น หนังสือของอีคอนส่วนใหญ่มีอยุ่เล่มเดียว ก้จะออกแนวรอ และเอาไปก้อปเป็นบทๆแทน ทั้งนี้น้องไม่ต้องซีเรียสให้มาก เพราะเนื้อหาที่เรียนส่วนใหญ่อจ.สรุปให้ฟังก่อนทั้งนั้น ไปอ่านเองทีหลังได้ แต่ยังไงก้แล้วแต่พี่ก้ไม่อยากให้น้องๆชิลกันเยอะ เพราะส่วนใหญ่อ่านกันไม่ทันจิงๆนะ หรือไม่จะไปยืมจากห้องสมุดต่างคณะก้ได้นะ มีทางเลือกเยอะอยุ่เหมือนกัน ไม่จำเปนต้องเสียตังมากหรอก อ่ออ บางวิชามันมีe-book ที่เป็นไฟล์pdf อยุ่อ่ะ ลองหาๆดู แต่คือ พี่เปนคนไม่ชอบอ่านหนังสือในคอม ก้เรยไปยืมในห้องสมุดสะมากก่าอ่านะ
ติวเตอร์ของม. ฟรีจ้า
ตอนพี่เรียนเนอะ อ่ออ มันก็จะมีเด็กที่ไปเรียนพิเศษหน้าม. เพื่อเอาคะแนนดีๆ อันนี้พี่ไม่ว่าอาราย เพียงแต่อยากบอกว่า มันจะมีติวฟรีให้ (อันนี้ไม่รุ้ยังมีอยุ่ไหม) จัดโดยมหาลัยเองอ่านะ เปนวิชาๆเรย เช่น เลข, โลจิก, อังกฤษ, computer science ก็มีนะเออ เข้าแระไปเป็นคลาสๆล้ะติวก้ได้แว้วว ไม่ต้องเสียตังไปติวนอกม.อีก ส่วนรายละเอียดการติว จะมีตารางๆติดไว้ที่บอร์ดนะ ไปอ่านๆและเข้าเป็นช่วงๆติวได้
อยากจะบอกน้องๆว่า ที่มูอิคเนี่ยนะ เรียนหนักตรงที่ เทอมหนึ่งของมูอิคจะมีอยู่สามเดือน ซึ่งถ้าเทียบกับ ม. อื่นๆ เค้ามีกันแค่สองเทอม (เทอมล้ะ5เดือนมั้ง) กลายเป็นว่าพวกเราเหมือนได้หลักสูตรเร่งรัดอะไรไปเลยประมาณนั้นฮ่าๆๆ แต่ ตอนเรียนก็แอบชิลๆอยู่ เพราะส่วนใหญ่เนื้อหาที่สอนมันก็จะโดนปรับให้พอดีกับเวลาเพียงช่วงสามเดือน อีกอย่าง วันเวลาเราการเรียนเลือกเองได้ไง ส่วนใหญ่เวลาว่างจะเยอะมากก โดยเฉพาะช่วงปี1 (แต่อันนี้ก็แล้วแต่เวลาที่ลง(หรือที่เรียกกันว่าเซคน่ะแหลพ)ที่น้องๆเลือกกัน บางคนได้เซคไม่ดีก็ต้องเรียน6วันก็มี) เพราะใครโชคดีลงเรียน4วันได้ก้ มีเวลาอ่านหนังสือให้เตรียมตัวเยอะหน่อย
อีกอย่างที่น้องๆต้องเจอคือ ระบบที่ตัดเกรดแบบเกณฑ์ ไม่ได้อิงจากกลุ่ม แบบ ม.อื่นๆ
ที่นี่จะตัดแบบ เกณเป็นหลัก เช่น A ที่ 90% ไรงี้ (บางคลาสนี่ A ที่ 95%) ก็ใจล่มๆกันบ้างอ่านะ เร่งรัดแล้วยังให้เอยากอีก
ส่วนสังคมเด็กของที่นี้ พี่ว่าก็ออกแนวไฮโซหน่อยๆนะ เพราะก็อย่างที่รู้ๆกันค่าเทอมแพงมหาโหดขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่จะมีลูกคุณหนูเยอะหน่อย ฮ่าๆๆ (แต่เอาจิงๆเลยถ้าม.ไหนไม่มีลูกคุณหนูสิแปลก แปลกมากกก) แต่ๆๆพี่ว่า พวกเค้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เพื่อนๆที่นี่ก็ออกจะชอบคุยกันมากกว่า บางคนนี่สายเม้ามอยเลยนะ ถึงหน้าจะดุๆหน่อยก็เถอะ 555
ส่วนคำว่ารุ่นน้อง รุ่นพี่ ของที่นี่ พี่ว่ามันดูปกติกว่าม. อื่นมากเลยนะ ปกติในที่นี้คือ มันก้ไม่ได้มีการแทคแคร์มากมาย แบบ สายรหัสก็รุ้สึกมีแต่ไม่ได้มีทุกคน!! (ไม่รุ้ตอนนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนนะ ฮ่าๆ) อาจจะเพราะว่าสังคมออกแนวฝรั่งๆหน่อยม้างงง และ รับน้องไม่ได้โหดเท่าม.อื่นด้วยมั้ง เลยไม่ค่อยมีความเน่นแฝงสัมพันธ์แบบ น้ำใจน้องพี่สีชมพู (ฮ่าๆ อิงม.นี้สะเลย) คือ รุ่นน้องรุ่นพี่ก็ไหว้กันปกติอยู่อ่าแหล่ะ (บางคนก้ไม่ได้ไหว้ ก้โบกมือเฉยๆกัน) แต่ก็มันก็จะมีความ independent สูงมากมากั้นอยู่หน่อยๆ เอาจิง พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ แต่อยากให้น้องๆเจอกับตัวเองเลยดีกว่า 55555
คราวนี้มาดูระบบการเรียนกันดีกว่า
วิชาที่นี้ จะเน้นไปที่ หนังสือของ mcgraw hill education สะไปส่วนใหญ่
อันนี้ก็แล้วแต่น้องๆเลยแล้วกันว่าจะซื้อหรือไปยืมที่ห้องสมุดเอา (ห้องสมุดถ้าอยากยืมก็ต้องไวๆหน่อย เพราะหนังสือส่วนใหญ่มีอยู่ 2-3 เล่ม) ตอนที่พี่เรียน พี่ชอบไปยืมที่ห้องสมุด เพราะหนังสือเล่มหนึ่งแพงมากก ตกเล่มล้ะ 1,000++ บาทได้ คือ เสียค่าเทอม ห้าหมื่นเกือบหกหมื่นไปแล้วว อย่าหวังเลยว่าจะได้เงินค่าหนังสือตรูอีกกก แต่ถ้ายืมไม่ทันจิงๆ เช่น หนังสือของอีคอนส่วนใหญ่มีอยุ่เล่มเดียว ก้จะออกแนวรอ และเอาไปก้อปเป็นบทๆแทน ทั้งนี้น้องไม่ต้องซีเรียสให้มาก เพราะเนื้อหาที่เรียนส่วนใหญ่อจ.สรุปให้ฟังก่อนทั้งนั้น ไปอ่านเองทีหลังได้ แต่ยังไงก้แล้วแต่พี่ก้ไม่อยากให้น้องๆชิลกันเยอะ เพราะส่วนใหญ่อ่านกันไม่ทันจิงๆนะ หรือไม่จะไปยืมจากห้องสมุดต่างคณะก้ได้นะ มีทางเลือกเยอะอยุ่เหมือนกัน ไม่จำเปนต้องเสียตังมากหรอก อ่ออ บางวิชามันมีe-book ที่เป็นไฟล์pdf อยุ่อ่ะ ลองหาๆดู แต่คือ พี่เปนคนไม่ชอบอ่านหนังสือในคอม ก้เรยไปยืมในห้องสมุดสะมากก่าอ่านะ
ติวเตอร์ของม. ฟรีจ้า
ตอนพี่เรียนเนอะ อ่ออ มันก็จะมีเด็กที่ไปเรียนพิเศษหน้าม. เพื่อเอาคะแนนดีๆ อันนี้พี่ไม่ว่าอาราย เพียงแต่อยากบอกว่า มันจะมีติวฟรีให้ (อันนี้ไม่รุ้ยังมีอยุ่ไหม) จัดโดยมหาลัยเองอ่านะ เปนวิชาๆเรย เช่น เลข, โลจิก, อังกฤษ, computer science ก็มีนะเออ เข้าแระไปเป็นคลาสๆล้ะติวก้ได้แว้วว ไม่ต้องเสียตังไปติวนอกม.อีก ส่วนรายละเอียดการติว จะมีตารางๆติดไว้ที่บอร์ดนะ ไปอ่านๆและเข้าเป็นช่วงๆติวได้
เอ่า...ล้ะที่ร่ายเรื่องมา สรุปแล้ว มหิดลอินเตอร์ต่างจากตัวมหิดลยังไง?
พี่ขอยอมรับว่าพี่เองเป็นคนที่ติดภาพลักษณ์มาตลอดว่าเห่ยยย มหิดลมันต้องม.แพทย์ หรืออะไรที่เกี่ยวกะวิทย์ๆดิ เพราะมันอันดับ1ของไทยเลนนะ ถ้าบีบีเอ ก้ต้อง ฬ มธ เกษตร สิ 5555555คือ แกฟัง!! ส่วนตัวนะ พี่คิดว่าตัวม.มหิดลเองไม่ได้โปรโมทด้านบีบีเอ และพวกศิลป์อะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนม.อื่นๆไง พูดง่ายๆคือมหิดลเพิ่งเริ่มมีหลักสูตรพวกนี้ไม่นานมานี้เอง เช่น เมเจอร์ศศ. ก้เพิ่งเริ่มมีตอน2008 ด้วยเหตุที่เค้าจัดการตามหลัก core competency (หรือเน้นไปโปรโมทด้านที่ตัวเองมีดีอยุ่แล้วก่อน แระค่อยๆทำวิชาการอื่นให้แข็งตามมา) สังเกตุได้จากเวลาโฆษณาหรือต้องการสร้างอิมแพคต่างๆนาๆกะสังคมก้จะใช้แพทย์ หรือ พวกวิทย์ ไม่ก้งานวิจัย มาเปนจุดโฟกัส เช่น เวลาโปรโมทมหา'ลัยก้จะใช้ รามา หรือ ศิริราชไรงี้ น้อยยยยมากกกกกกกถึงมากกกที่สุด ที่น้องจะเหนเค้าใช้ชื่อมหิดลคณะไอซี หรือคณะ ศิลปศ. ออกมาเปนตัวเปนตนในทีวี ฮาาาา เพราะด้วยเหตุนี้พี่เรยคิดว่า มหิดลยังคงด้อยการโปรโมททางด้านศิลป์แระการจัดการ เมื่อเทียบกะฝั่งม. ฬ/มธ ที่เค้าใช้กลยุทหลากหลายในการโปรโมทไปสะเกือบทุกคณะ! ซึ่งนับเปนกลยุทที่สมาทมากกที่พยายามใช้ความสัมพันระหว่างม.ในการโปรโมทกันเอง จุดนี้พี่มองว่ามันเปนเกมที่วิน-วินทั้งสองฝ่าย สังเหตุได้จาก งานบอลกีฬาประเพณีระหว่างม.ต่างๆนาๆ ต่างฝ่ายต่างได้โปรโมท ออกทีวีโดยอาจจะไม่ต้องจ้างสื่อหรืออะไรเลยก้เปนได้ ชื่อเสียงมหาลัยก้เพิ่มขึ้น ผู้คนผ่านไปมาแถวนั้นเหนบรรยากาศก้อยากเข้าไปเรียน ในขณะที่มหิดลเอง...ก้มีพวกกีฬาต่างมหาลัย!! แต่!!!!!! ไม่ได้หวือหวาเท่าทางฝั่งนุ้นไงง เวลามหิดลออกมาโปรโมทไรงี้เรยไม่ได้สร้างอิมแพคดีเท่าไหร่ มั้งนะะ (หรือใครคิดว่าดีบ้าง??) เอ่ะหรือมันไกลจากม.อื่น?? 555555 แต่ๆๆทั้งหมดนี้พี่ก้ไม่อยากจะโทษตัวมหิดลหรอกเพราะมันยังคงต้องการใช้เวลาในการ build-up impression ว่ามหิดลไม่ใช่แค่ม.แพทย์ กะ วิทย์ แต่มีดีได้ทุกด้านเหมือนกะม.อื่น แระถ้าถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ พี่คิดว่ามันจะดีต่อตัวนศ.มหิดลแระ ตัวมหิดลเองมากก...
สรุปสั้นเรยๆล้ะกัน ตัวมหิดลเองอ่านะยังคงไม่ได้โปรโมทด้านศิลป์มากมายอะไรขนาดนั้น พี่เลยคิดว่าการที่มหิดลมีการเปิดคณะอินเตอร์แยกออกมาเลย จะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น!!! เพราะถ้าระดับอินเตอร์แล้วเนี่ย พี่เชื่อว่า เห่ยยย.... ของเค้าดีจิงอ่ะ ทุกคนที่นี่พูดอังกฤษได้ แระเก่งมากกกก สำเนียงพรีเซ้นนี่จัดเต็มมากๆ เขียนเอสเสกันทีเด็กม.อื่นที่เรียนหลักสูตรอินเตอร์อาจอายได้ (ไม่ได้อวยม.ตัวเองนะ แต่เจอมาจากชีวิตจิง) 555 พี่คิดว่านี่คืออีกจุดเด็นนึงเลยที่ทำมันทำให้เป็นคาเรคเตอร์ของมหิดลอินเตอร์ คือส่วนใหญ่เด็กจบม.ปลายเมืองนอกหรือเรียนพวก รร.อินเตอร์มากันเยอะ พอมารวมตัวเรียนกันที่นี่ เลยแทบได้ว่าใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นเกือบทุกคน
สุดท้ายแล้วๆ สิ่งที่พี่แนะนำได้ก้คือ ไปOPEN HOUSE ของแต่ล้ะม.ดู เพราะ นี่แหละ คือโอกาศที่จะได้ดูบรรยากาศ และ อาจจะเจออจ. พี่ๆในม. ก้จะได้ถามเค้าได้ด้วยว่าการเรียนเปนยางงาย เนอะๆๆ
ส่วนถ้าจะเทียบระบบอินเตอร์กะม.รัฐอื่นล้ะ? เห่ยย เอาจิงพี่ว่ามหิดลอินเตอร์นี่ ใช่สุดๆล้ะนะ ความอินเตอร์มีอยุ่เพียบ ถ้าม.รัฐ ที่อื่น มันจะออกแนว English program แระ...พี่ก้จะบอกว่า ให้ไปอ่านเพิ่มเติมในนี้ https://muxchula.blogspot.com/2017/11/muic-and-cu.html เคยเขียนไว้แระ 55555
สรุปสั้นเรยๆล้ะกัน ตัวมหิดลเองอ่านะยังคงไม่ได้โปรโมทด้านศิลป์มากมายอะไรขนาดนั้น พี่เลยคิดว่าการที่มหิดลมีการเปิดคณะอินเตอร์แยกออกมาเลย จะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น!!! เพราะถ้าระดับอินเตอร์แล้วเนี่ย พี่เชื่อว่า เห่ยยย.... ของเค้าดีจิงอ่ะ ทุกคนที่นี่พูดอังกฤษได้ แระเก่งมากกกก สำเนียงพรีเซ้นนี่จัดเต็มมากๆ เขียนเอสเสกันทีเด็กม.อื่นที่เรียนหลักสูตรอินเตอร์อาจอายได้ (ไม่ได้อวยม.ตัวเองนะ แต่เจอมาจากชีวิตจิง) 555 พี่คิดว่านี่คืออีกจุดเด็นนึงเลยที่ทำมันทำให้เป็นคาเรคเตอร์ของมหิดลอินเตอร์ คือส่วนใหญ่เด็กจบม.ปลายเมืองนอกหรือเรียนพวก รร.อินเตอร์มากันเยอะ พอมารวมตัวเรียนกันที่นี่ เลยแทบได้ว่าใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นเกือบทุกคน
สุดท้ายแล้วๆ สิ่งที่พี่แนะนำได้ก้คือ ไปOPEN HOUSE ของแต่ล้ะม.ดู เพราะ นี่แหละ คือโอกาศที่จะได้ดูบรรยากาศ และ อาจจะเจออจ. พี่ๆในม. ก้จะได้ถามเค้าได้ด้วยว่าการเรียนเปนยางงาย เนอะๆๆ
ส่วนถ้าจะเทียบระบบอินเตอร์กะม.รัฐอื่นล้ะ? เห่ยย เอาจิงพี่ว่ามหิดลอินเตอร์นี่ ใช่สุดๆล้ะนะ ความอินเตอร์มีอยุ่เพียบ ถ้าม.รัฐ ที่อื่น มันจะออกแนว English program แระ...พี่ก้จะบอกว่า ให้ไปอ่านเพิ่มเติมในนี้ https://muxchula.blogspot.com/2017/11/muic-and-cu.html เคยเขียนไว้แระ 55555
**แถมๆๆ เท่าที่สืบๆมาคิดว่าอินเตอร์ที่นี่ถูกสุดล้ะนะถ้าเทียบกะในบรรดาม.รัฐโปรแกรมอินเตอร์ทั้งหลายย